คร.เร่งควบคุม ‘โรคมือ เท้า ปาก’
ขณะนี้สถานการณ์โรค มือ เท้า ปาก เป็นช่วงการระบาดของโรค จากข้อมูลการเฝ้าระวังโรคตั้งแต่ 1 มกราคม-19 สิงหาคม 2556 พบผู้ป่วยโรคมือ เท้า ปาก ทั่วประเทศ 27,484 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 42.77 ต่อแสนประชากร เสียชีวิต 1 ราย กลุ่มที่พบผู้ป่วยมากที่สุด คือเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี ภาคที่มีอัตราป่วยสูงสุด ได้แก่ ภาคเหนือ รองลงมาเป็นภาคใต้ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามลำดับ ซึ่งในช่วงนี้ฝนตกชุกมาก และยังเป็นฤดูกาลที่โรคมือ เท้า ปาก ระบาดมาก
นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า ขอให้ศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียนอนุบาล ซึ่งมีเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ที่อยู่รวมกันมาก ต้องมีมาตรการดูแลเด็กที่เข้มข้นกว่าช่วงอื่นๆ โดยโรคมือ เท้า ปาก เกิดจากเชื้อเอ็นเทอโรไวรัส เป็นไวรัสที่อยู่ในลำไส้ การติดต่อส่วนใหญ่เกิดจากการรับเชื้อไวรัสเข้าสู่ปากโดยตรง เชื้อไวรัสจะมากับมือหรือของเล่นที่เปื้อนน้ำลาย น้ำมูก น้ำจากตุ้มพอง และแผล หรืออุจจาระที่มีเชื้อไวรัส นอกจากนี้ การไอ จาม รดกัน และสูดละอองฝอยที่มีเชื้อไวรัสเข้าไปก็ติดโรคได้ โรคนี้เป็นแล้ว หายได้เองภายใน 7-10 วัน โดยแพทย์จะให้ยารักษาตามอาการ ไม่มียารักษาจำเพาะ แต่ป้องกันได้โดยรักษาสุขอนามัย ผู้ปกครอง ครู พี่เลี้ยง ควรตัดเล็บสั้น
อธิบดี คร.กล่าวว่า สิ่งสำคัญ หากพบเด็กป่วยต้องรีบแยกออกหรือให้หยุดอยู่บ้าน เพื่อป้องกันการแพร่ไปยังเด็กคนอื่นๆ ผู้ปกครองควรรีบพาไปพบแพทย์ หากมีเด็กป่วยจำนวนมาก ผู้บริหารโรงเรียน หรือผู้จัดการสถานรับเลี้ยงเด็ก ควรพิจารณาดำเนินการ ดังนี้ ปิดห้องเรียนที่มีเด็กป่วยชั่วคราว ประมาณ 5-7 วัน ทำความสะอาดสถานที่เพื่อฆ่าเชื้อโรคบริเวณห้องน้ำ ห้องส้วม สระว่ายน้ำ ครัว โรงอาหาร บริเวณที่เล่นเด็ก โดยใช้สารละลายเจือจางของน้ำยาฟอกขาว (20 มิลลิลิตรต่อน้ำ 1 ลิตร) หรือน้ำยาทำความสะอาดที่ใช้ตามบ้านเรือน
นอกจากนี้ต้องทำความสะอาดของเล่นและผึ่งให้แห้ง หยุดใช้เครื่องปรับอากาศ เปิดม่านให้แสงแดดส่องให้ทั่วถึงและแจ้งการระบาดได้ที่สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด หรือสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ทราบทันที
ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน