ครอบครัวยุคใหม่ เข้า “วัด” สร้างสุข-ลดทุกข์
สร้างความอบอุ่นในบ้านด้วยธรรมะ…..
ปัญหาเศรษฐกิจที่รุมเร้า ไม่เพียงสั่นคลอนชีวิตความเป็นอยู่ของทุกคน หากยังพรากความอบอุ่นไปจากสมาชิกในบ้าน แม้แต่ครอบครัวในชนบทก็เผชิญปัญหาไม่ต่างจากสังคมเมือง หลายครอบครัวใน อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ ก็เริ่มกลายเป็นครอบครัวขนาดเล็ก พ่อแม่ต้องทำงานหนักตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ไม่มีเวลาดูแลซึ่งกันและกัน ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูกลดลง จนเป็นต้นเหตุของภาวะครอบครัวขาดความอบอุ่น
จากภาวะดังกล่าว ปลุกให้เกิดการถามหาที่พึ่งยามยากอย่าง “วัด” ที่ทำหน้าที่ด้วยดีเสมอมา เหมือนวัดสันทราย อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ ผุดแนวความคิด “โครงการค่ายครอบครัวอบอุ่นด้วยธรรมะ” โดยได้รับแรงสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) นำหลักศาสนาเข้าไปกระตุ้นเตือนทุกคนในครอบครัวให้เกิดสำนึกในบทบาทหน้าที่ของตนเอง กลายเป็นอีกแนวทางที่จะทำให้ครอบครัวเกิดความอบอุ่นได้อย่างยั่งยืน
พระมหาประเสริฐ ธมฺมเสฏฺโฐ เจ้าอาวาสวัดสันทราย ต้นคิดโครงการค่ายครอบครัวอบอุ่นด้วยธรรมะกล่าวว่า วัดในฐานะที่ยังมีความใกล้ชิดกับชุมชนอยู่มาก จึงต้องช่วยกล่อมเกลาและเปลี่ยนวิธีคิดของคนในชุมชนให้ถูกต้อง ด้วยการใช้หลักธรรมทางศาสนา เพราะครอบครัวคือสังคมเล็กๆ ที่จะผันไปเป็นสังคมใหญ่และเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคต วัดจะชักชวนเด็กและผู้ปกครองมาเข้าค่ายครอบครัวอบอุ่นด้วยธรรมะ ผ่านทางโรงเรียนของเด็กๆ “กิจกรรมภายในค่ายจะมุ่งสร้างกระบวนการเรียนรู้ให้เด็กและผู้ปกครองโดยใช้หลักธรรมทิศ 6 ซึ่งกล่าวถึงบุคคลประเภทต่างๆ ที่ต้องเกี่ยวข้องสัมพันธ์ทางสังคม ดุจทิศที่อยู่รอบตัว เช่น หน้าที่ของผู้เป็นลูกต้องช่วยเหลือแบ่งเบาภาระของพ่อแม่ ส่วนพ่อแม่ก็ต้องเลี้ยงลูก” เจ้าอาวาสวัดสันทรายอธิบาย
การสร้างความอบอุ่นด้วยธรรมะให้เห็นผลเป็นรูปธรรมนั้น พ่อแม่คือตัวละครสำคัญ เรือนคำ ทองอินทร์ แม่ของ น้องพนัฐธี นุสุริยา นักเรียนชั้น ป.5 โรงเรียนบ้านป่างิ้ว อ.ไชยปราการ ซึ่งมาร่วมเข้าค่ายถึง 2 ครั้งแล้ว เล่าว่าลูกชายมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปอย่างมาก อ่อนโยน พูดจาดีขึ้น เมื่อทำผิดหรือเถียงแม่ ก็จะสำนึกได้เองว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ และเอ่ยคำขอโทษแม่ทันที ขณะเดียวกันก็พยายามเป็นแบบอย่างที่ดีของลูกด้วย
ขณะที่ตัวลูกชาย เริ่มชอบการเข้าค่าย เพราะรู้สึกว่ามีกิจกรรมสนุกๆ มากมาย เวลารับประทานอาหาร พระอาจารย์จะสอนให้รินน้ำดื่มให้เพื่อนๆ เพื่อแสดงการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เกิดความรู้สึกที่ดีต่อกัน และเมื่อกลับถึงบ้านได้นำคำสอนเรื่องความกตัญญูมาปฏิบัติต่อพ่อแม่
การเริ่มต้นสิ่งดีๆ ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว ย่อมส่งผลดีสำหรับปลายทาง ลำเนา สุรเมธีมาณพ แม่ของ น้องธัญญารัตน์ หรือ น้องหยก นักเรียนชั้น ป.5 โรงเรียนบ้านแม่ทะลบ บอกว่าแม้ลูกสาวจะมาเข้าค่ายครั้งแรก แต่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด สังเกตว่าลูกจะนั่งสมาธิก่อนเข้านอนเป็นประจำ และจากที่เคยเป็นเด็กซุกซนก็เรียบร้อยขึ้น ที่สำคัญมีความรับผิดชอบมากขึ้นไม่แหลาะแหละเหมือนเมื่อก่อน
หลากหลายประสบการณ์ บ่งชี้ว่าการมีพื้นฐานครอบครัวที่อบอุ่นเป็นต้นทุนที่ดีของชีวิต เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นในครอบครัวส่วนใหญ่เป็นผลมาจากความไม่รู้ รวมถึงผู้นำครอบครัวบางคนได้นำประสบการณ์ที่ไม่ดีจากครอบครัวในวัยเด็ก มาปรับใช้กับครอบครัวใหม่ของตนเองซึ่งเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้อง
“การนำหลักธรรมคำสอนตามหลักศาสนาที่สอดคล้องกับการใช้ชีวิตมาสร้างเป็นองค์ความรู้ถ่ายทอดสู่ครอบครัว เชื่อมโยงผ่านกระบวนการเรียนรู้ของทางวัดที่ใกล้ชิดกับชุมชน เป็นการปูพื้นฐานทางด้านจิตใจให้เกิดความสำนึกรับผิดชอบระหว่างสมาชิกในครอบครัว ก่อให้เกิดเป็นความรักความเข้าใจในครอบครัวอย่างยั่งยืนถาวร” วันชัย บุญประชา ผู้จัดการแผนงานสุขภาวะครอบครัว สสส.ฝากข้อเตือนใจทิ้งท้าย
ที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
update : 07-11-51