ขับเคลื่อนคนทำงานเพื่อสังคมผ่านหนังสือ

ที่มา: หนังสือพิมพ์บ้านเมือง


ภาพประกอบจากเว็บไซต์บ้านเมือง และเพจสำนักพิมพ์ของเรา protestista


ขับเคลื่อนองค์กรผ่านหนังสือ ‘ล่องแพในกระแสเชี่ยว’ thaihealth


“ล่องแพในกระแสเชี่ยว” หนังสือที่คนทำงานเพื่อสังคมต้องอ่านเป็นอีกแนวทางการขับเคลื่อนคนทำงานเพื่อสังคม


“ต้องยอมรับว่าช่วงหลังๆ วงการเอ็นจีโอ องค์กรภาคประชาสังคมถูกวิพากษ์วิจารณ์กันมาก โดยเฉพาะการไม่มององค์รวมของปัญหามุ่งแต่จะทำเฉพาะประเด็นของตัวเองเน้นที่ภาพลักษณ์ภายนอก เพื่อตอบสนองโจทย์ที่รับมาจากแหล่งทุน โดยไม่พยายามเข้าให้ถึงแก่นของปัญหา ไปให้ความสำคัญกับเปลือก หรือตอบตัวชี้วัดแบบฉาบฉวยเพื่อส่งงาน จนชาวบ้านนินทาว่าเป็นพวกปักป้ายถ่ายรูป ไม่ต่างอะไรจากการหลับตาข้างหนึ่งทำงานโดยไร้จิตวิญญาณ ไม่อยากทำงานยากๆ ที่ใช้เวลาในการเปลี่ยนแปลง อยากหาทางลัดหรือที่มักจะเรียกกันว่าหน้าต่างแห่งโอกาส เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ นานๆ เข้าก็ไปเน้นการสร้างภาพ ละเลยงานฐานสุดท้ายก็ล้มครืนไม่มีหลังพิง”


เสียงของ จะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ที่บอกเล่าถึงปัญหาการทำงานเพื่อสังคมของคนบางกลุ่มพร้อมโยนคำถาม “แล้วเราจะปล่อยให้วงการเอ็นจีโอเป็นแบบนี้ต่อไปงั้นหรือ?” ผ่านวงเสวนาเล็กๆ “มองบทเรียนการขับเคลื่อนองค์กรทางสังคม ผ่านหนังสือล่องแพในกระแสเชี่ยว”จัดโดยแผนงานเสริมสร้างศักยภาพผู้นำการเปลี่ยนแปลงเพื่อสร้างความเป็นธรรมทางสังคมและสุขภาพ (นธส.) ร่วมกับสำนักพิมพ์ protestista โดยการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)


จะเด็จ อธิบายเนื้อหาของหนังสือล่องแพในกระแสเชี่ยว หลังจากที่ได้หยิบอ่านแล้วทำความเข้าใจว่า ถือเป็นหนังสือที่ต้องการสะท้อนการทำงานของนักเคลื่อนไหว นักรณรงค์ คนทำงานหรือกลุ่มเอ็นจีโอได้เป็นอย่างดี ซึ่งคนทุกกลุ่มมีทั้งดีชั่วอยู่ในตัว สมัยก่อนการทำงานของกลุ่มเอ็นจีโอยังไม่เป็นที่ยอมรับจากสังคม แต่พอมาหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ กลุ่มคนเหล่านี้ได้รับการยอมรับจากสังคมและมีบทบาทขึ้นมาเรื่อยๆ


“หนังสือเล่มนี้เขียนไว้ชัดเจน ว่าเราต้องกล้าลุกขึ้นมาเพื่อที่จะเปลี่ยนโครงสร้างการทำงาน มองสังคมให้ทะลุ และรับฟังเสียงของคนทุกกลุ่ม อีกทั้งหนังสือเล่มนี้ยังช่วยสร้างแรงบันดาลใจของกลุ่มคนทำงานได้เป็นอย่างดี และเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้มีพื้นที่ ขยายมุมมองแนวคิด เกิดจุดเปลี่ยนแปลงของการทำงานภาคประชาสังคม มีการสะท้อนจุดอ่อนจุดแข็ง เชื่อว่าในอนาคตคนรุ่นใหม่จะทำให้คนรุ่นเก่าสั่นสะเทือนในวงการเอ็นจีโอได้แน่นอน” ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ฝากทิ้งท้ายว่า “ถึงเวลาแล้วที่คนทำงานจะต้องทบทวนตัวเอง ปรับเปลี่ยนเพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ อย่าไปยึดติดกับชื่อเสียงเพราะมันเป็นแค่ภาพมายา”


ขับเคลื่อนองค์กรผ่านหนังสือ ‘ล่องแพในกระแสเชี่ยว’ thaihealthขับเคลื่อนองค์กรผ่านหนังสือ ‘ล่องแพในกระแสเชี่ยว’ thaihealth


อวยพร เขื่อนแก้ว ศูนย์ผู้หญิงเพื่อสันติภาพและความยุติธรรม ในฐานะผู้แปลเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ สะท้อนว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในหนังสือชัดมาก เข้าใจความเป็นธรรม การไม่เอาเปรียบกัน ไม่ใช้อำนาจไปในทางที่ผิด ที่สำคัญการทำงานเพื่อส่วนรวมหากทำด้วยความไม่เต็มใจหรือด้วยความโกรธ จะเป็นภัยสะท้อนกลับ และจากประสบการณ์ทำงานที่ผ่านมา เห็นหลายทุกองค์มีปัญหาเรื่องอำนาจนิยมเมื่อเริ่มมีชื่อเสียง ก็จะมีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ความเป็นองค์กรจะลดลง อำนาจที่เหนือกว่าและไม่ถูกต้องจะเข้ามาครอบงำทันที สุดท้ายการทำงานเพื่อสังคมจะถูกตัดขาด


“คนทำงานเพื่อสังคมจะต้องหยุดและกลับมาทบทวนตัวเอง อย่าทำงานเพียงเพื่อตอบคำถามแหล่งทุน แต่ควรทำงานเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคม หากองค์กรใดยังใช้โครงสร้างอำนาจนิยม ติดยึดกับอำนาจชื่อเสียงที่ได้มา การพัฒนาก็จะไม่เกิดขึ้นหรือย่ำอยู่กับที่”


เธอฝากแง่คิดให้กับคนทำงานผ่านหนังสือเล่มนี้ว่า วัฒนธรรมอำนาจนิยม เป็นสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้ไปอยู่ในองค์กร เพราะสังคมที่ใช้อำนาจนิยมจะทำลายทุกอย่าง ดังนั้นเราควรทำงาน วางยุทธศาสตร์เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เกิดแนวทาง ต้องกะเทาะเปลือกให้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนำมาสู่การสร้างความเติบโตสร้างและความเป็นธรรมให้สังคม


สามารถ สระกวี เครือข่ายเกษตรฯ จังหวัดสงขลา ระบุว่า เป็นหนังสือที่กระตุ้น ท้าทายการทำงานขององค์กรต่างๆ ขณะเดียวกันก็สะท้อนประสบการณ์โดยตรงของคนทำงาน และคำตอบที่ได้จากหนังสือเล่มนี้จะสามารถนำไปถ่ายทอด เป็นแรงผลักดัน เกิดการปรับตัวในการทำงาน จึงถือเป็นโจทย์ใหญ่ของคนทำงานภาคประชาสังคม ที่ต้องสร้างความเป็นจริงให้เกิดขึ้น ทุกแง่มุมของหนังสือพยายามที่จะเชื่อมโยงให้เห็นปัญหาเชื่อว่ากลุ่มคนทำงาน หากได้หยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่าน จะทำให้ทัศนคติเปลี่ยนไป จากอำนาจอคติที่เคยมีอยู่ในตัว จะถูกขัดเกลาออกไปได้ไม่มากก็น้อย


ธีรวัฒน์ ตันติวิริมานนท์ ที่ปรึกษาการบริหารแผนงานการจัดการโครงการและการพัฒนาองค์กร มองแง่มุมของหนังสือเล่มนี้ว่า เป็นเหมือนงานวิจัยเชิงประวัติศาสตร์ ที่อิงมาจากวัฒนธรรมกระแสอเมริกัน โดยเฉพาะเรื่องคนทุกกลุ่มต้องมีสิทธิเท่าเทียมกัน หนังสือช่วยอธิบายการสร้างองค์กรเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่สร้างความมั่นคงให้นักการเมืองแต่ต้องมองมิติภายในโครงสร้าง การแบ่งอำนาจหน้าที่ เงื่อนไขอะไรที่จะได้ใจคน และวิธีกำจัดความเครียดทำอย่างไรให้สุขภาพกายใจดี สิ่งเหล่านี้จะกลายมาเป็นกระบวนการพัฒนาองค์กรสังคม การติดตามประเมินผลงานอย่างมีประสิทธิภาพ และนำมาสู่ความสำเร็จในที่สุด


ขณะที่ กิตติชัย งามชัยพิสิฐ บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์ protestista กล่าวว่า หนังสือเล่มนี้เกิดจากกลุ่มคนอเมริกา ที่ทำงานกับคนรากหญ้า คนไร้บ้าน กลุ่มหลากหลายทางเพศ ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องต่างๆ หรือคนที่ขาดโอกาสทางสังคม จากนั้นจึงรวบรวมประสบการณ์เหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นความผิดพลาด ความล้มเหลว ความสำเร็จ ซึ่งหนังสือยืนอยู่บนฐานวัฒนธรรม หากจะเปลี่ยนแปลงสังคม จากวิธีคิด เช่น ทำอย่างไรให้คนที่ทุกข์ยากไม่ต้องมารอรับความช่วยเหลือและจะสร้างพลังในตัวตนให้เขาได้อย่างไร ดูอีกทั้งย้อนดูว่าที่ผ่านมากระบวนการทำงานเพื่อสังคมมันมีปัญหาติดขัดอะไรบ้าง


“เอาเข้าจริงๆ หนังสือเล่มนี้เหมาะกับคนทุกกลุ่ม เพราะสิ่งที่หนังสือพยายามจะบอก คือทำอย่างไรให้คนในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างเท่าเทียมไม่มีใครอยู่ใต้ใคร และหากใครรู้สึกอึดอัดคับข้องใจกับการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นองค์กรตัวเอง โครงสร้างขององค์กรมีปัญหา ทำแล้วรู้สึกทุกข์ทั้งที่มีเป้าหมายชัดเจน ควรหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่านแล้วจะพบกับคำตอบทั้งนี้หากใครสนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เพจเฟชบุ๊คสำนักพิมพ์ของเรา protestista” กิตติชัย กล่าวทิ้งท้าย

Shares:
QR Code :
QR Code