การป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบ บี

ที่มา : คู่มือรู้ทันโรคและภัยสุขภาพสำหรับประชาชน โดยสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข


การป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบ บี  thaihealth


แฟ้มภาพ


โรคไวรัสตับอักเสบ บี (Hepatitis B) เป็นการอักเสบของตับซึ่งเกิดจากไวรัสตับอักเสบ บี โดยเชื้อไวรัสจะบุกรุกสู่เซลล์ตับ และก่อให้เกิดการอักเสบขึ้น ในบางกรณีผู้ติดเชื้ออาจไม่มีอาการ ทำให้ไม่ทราบว่าตนเองมีเชื้ออยู่ในร่างกาย แต่ตับมีการอักเสบต่อเนื่องทำให้เป็นตับแข็งและมะเร็งตับในที่สุด


การติดต่อของเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี


  • มีเพศสัมพันธ์กับคนที่มีเชื้อโดยไม่ได้สวมถุงยาง
  • ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
  • ใช้เข็มสักตามตัวหรือสีที่ใช้สักตามตัวร่วมกัน และการเจาะหู
  • แม่ที่มีเชื้อสามารถติดต่อไปยังลูกได้ขณะคลอด
  • บุคลากรทางการแพทย์ที่ถูกเข็มหรือสิ่งมีคมที่ติดเชื้อระหว่างปฏิบัติงาน
  • โดยการสัมผัสกับ เลือด น้ำเลือด น้ำคัดหลั่ง โดยผ่านเข้าทางบาดแผล


อาการของผู้ป่วยโรคไวรัสตับอักเสบ บี


อาการของผู้ป่วยโรคไวรัสตับอักเสบ บี จะเกิดหลังได้รับเชื้อประมาณ 45 – 90 วัน บางรายอาจจะนานถึง 180 วัน ผู้ป่วยที่เป็นแบบเฉียบพลันจะมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปวดตามตัว มีไข้ แน่นท้อง ถ่ายเหลว เป็นอยู่ 4 – 15 วัน หลังจากนั้นจะมีตัวเหลือง  ตาเหลือง ปัสสาวะสีเข้ม อาการตัวเหลืองตาเหลืองจะหายไปภายใน 1 – 4 สัปดาห์ บางรายอาจเป็นนานถึง 6 สัปดาห์ จึงสามารถทำงานได้ปกติ สำหรับเด็กที่ติดเชื้อตั้งแต่แรกคลอด อาจไม่มีอาการ


การรักษาโรคไวรัสตับอักเสบ บี


ส่วนใหญ่หายเอง แต่จะมีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งที่กลายเป็นโรคตับอักเสบเรื้อรัง ซึ่งต้องรักษาโดยการให้ยา interferon หรือ lamivudine และควรอยู่ในความดูแลของแพทย์


การป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบ บี


โรคไวรัสตับอักเสบ บี สามารถป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ บี หากติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี ควรขอคำแนะนำจากแพทย์ในการดูแลตัวเอง และต้องคำนึงถึงบุคคลใกล้ชิดด้วย เพราะอาจนำเชื้อไปสู่คนใกล้ชิด วิธีการปฏิบัติตัวหากมีเชื้ออยู่ในร่างกายคือ


  1. รับประทานยาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
  2. รับการตรวจเลือดเพื่อติดตามอาการ ตามแพทย์แนะนำ
  3. บอกให้คนใกล้ชิดทราบ หากคนใกล้ชิดไม่มีภูมิคุ้มกันอาจพิจารณาฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันไวรัสตับอักเสบบี
  4. มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยโดยการสวมถุงยางอนามัย
  5. งดบริจาคโลหิต
  6. ไม่ดื่มสุรา ของมึนเมา
  7. ไม่ใช้ยาโดยไม่ปรึกษาแพทย์
  8. พักผ่อนให้เพียงพอ


 

Shares:
QR Code :
QR Code

ใส่ความเห็น

ระบุข้อความ