‘การตรวจหาแคลเซียมในหลอดเลือด บอกอะไรได้บ้าง’
อาจเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ
การใช้เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์มี ความเร็วและความละเอียดสูง คำนวณหาปริมาณแคลเซียมที่เกาะภายในผนังหลอด เลือดแดง เพื่อใช้บ่งบอกแนวโน้มถึงโอกาสในการที่จะเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจว่ามีมากน้อยเพียงใด ก่อนที่จะมีอาการแสดงให้เห็น
จากการศึกษาในประชากรที่ป่วยด้วย โรคหัวใจขาดเลือด เราไม่พบสาเหตุของโรคที่แท้จริง แต่เราพบปัจจัยหลาย ๆ ประการที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดโรค หากมีปัจจัยเหล่านี้มาก ก็ยิ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมากขึ้น
ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคทางหลอดเลือดหัวใจ มีอะไรบ้าง
– ประวัติครอบครัวเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ
– อายุ ชาย อายุเกิน 45 ปี หญิง อายุเกิน 50 ปี
– หญิงหมดประจำเดือน
– ความดันโลหิตสูง
– สูบบุหรี่
– ไขมันในเส้นเลือดผิดปกติ คอเลส เตอรอล (cholesterol) (ปกติ < 200 มก./ดล.)
– ไตรกลีเซอไรด์ (triglyceride) (ปกติ < 150 มก./ดล.)
– แอล ดี แอล (ldl-c) สูง ควร <130 มก./ดล.
– เอช ดี แอล (hdl-c) ต่ำ ควร >40 มก./ดล.
– เบาหวาน
– การไม่ออกกำลังกาย / อ้วน / เครียด
ควรปฏิบัติอย่างไรหลังได้รับการตรวจแล้ว
ผลการตรวจ calcium-score ได้ค่าระหว่าง 0-400 : มีโอกาสเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจต่ำ – ปานกลางควรปฏิบัติดังนี้
1. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดปัจจัยเสี่ยง เช่น งดสูบบุหรี่
ควบคุมปริมาณไขมันที่บริโภค โดยวิธีการดังต่อไปนี้
– กินอาหารที่มีพลังงานต่ำเช่น กินอาหารที่มีกากใยสูง (ผัก ผลไม้) และจำกัดอาหารที่มีไขมันสูง
– หลีกเลี่ยงอาหารหรืองดอาหารไขมันอิ่มตัวสูง ไขมันอิ่มตัว และคอเลสเตอรอลในอาหารได้แก่
เครื่องในสัตว์ทุกชนิดและตับ เช่น ตับอ่อน หัวใจ กึ๋น ปอด ไส้ตัน และกระเพาะ ไข่ปลาทุกชนิด ไข่แมงดา ไข่ปู ไข่เต่า ไข่นกกระทา หอยทุกชนิด กุ้งทุกชนิด ปลาหมึกและปู น้ำสลัดชนิดครีม
มายองเนส เนย เหลว ครีม มาการีนแข็ง เนื้อหมู เนื้อวัวเลาะเอามันออกให้หมดกินวันละไม่เกิน
2 อย่าง กินไข่ทั้งฟองไม่เกิน 3 ฟองต่อสัปดาห์
– ใช้น้ำมันพืช เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันรำ น้ำมันข้าวโพด โดยไม่ใช้น้ำมันหมู
– จำกัดอาหารที่มีส่วนประกอบของนมครบส่วน เนยและไข่
– ปรุงอาหารด้วยวิธีต้ม นึ่ง ตุ๋น อบ ปิ้ง ย่าง แทนการใช้น้ำมัน
– ลดอาหารที่มีกะทิ และอาหารทอดทุกชนิดทั้งอาหารคาวและอาหารหวาน เช่น หมูทอด ไก่ทอด
แกงเทโพ แกงเขียวหวานไก่ เป็นต้น
– กินธัญพืชประเภทไม่ขัดสี เพื่อเพิ่มเส้นใยอาหารเช่น ข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีต ข้าวโอ๊ต กิน
ข้าวมื้อละไม่เกิน 2 ทัพพี
– จำกัดการกินขนมหวานเพียง 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์โดยเฉพาะที่มีไขมันไข่เป็นส่วนประกอบและไม่
เติมน้ำตาลในอาหาร
– จำกัดการดื่มชา กาแฟ น้ำอัดลม เพียง 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์
– ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 20-30 นาที / ครั้ง สัปดาห์ละ 3 ครั้ง
– พยายามทำใจให้รื่นเริงไม่เคร่งเครียด หงุดหงิด
2. ปรึกษาแพทย์ในรายที่มีความดันโลหิตสูง ไขมันสูงผิดปกติ หรือเป็นเบาหวาน
3. ตรวจประเมินหลอดเลือดหัวใจด้วยการเดินสายพาน อย่างน้อย ปีละ 1 ครั้ง
4. กรณีมีอาการเจ็บแน่นหน้าอกร่วมด้วยควรพบแพทย์อายุรกรรม หัวใจเพื่อรับคำปรึกษา
ผลการตรวจ calcium-score ได้ค่าตั้งแต่ 400 ขึ้นไป : อาจมีภาวะหลอดเลือดตีบแอบแฝงอยู่ แต่ยังไม่แสดงอาการควรปฏิบัติดังนี้.
1.ปฏิบัติตัวตามข้อ 1 และ 2 ข้างต้น เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ควรกระทำ.
2.ควรพบแพทย์อายุรกรรมหัวใจเพื่อตรวจหาความผิดปกติของหลอดเลือด ด้วยการฉีดสีเพื่อวินิจฉัยเพิ่ม หรือ เพื่อรับการรักษา
3.ทราบอาการผิดปกติที่บ่งชี้ว่าเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง รวดเร็ว
อาการผิดปกติที่ควรสังเกต
– เจ็บแน่นหน้าอกร้าวไปแขน กรามหรือคาง
– เจ็บหน้าอกจนเหงื่อแตกหมดแรง
– เจ็บหน้าอกแล้วหายใจไม่สะดวก
– เหนื่อยจนจุกแน่นที่ลิ้นปี่
– เวียนศีรษะ มึนงง เหมือนเป็นลม / ใจสั่น
อาการผิดปกติดังกล่าวเป็นสัญญาณบอกว่า หลอดเลือดหัวใจตีบอันเป็นเหตุให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดได้ ควรมาพบแพทย์โดยเร็ว และได้รับการรักษา อย่างถูกต้องจะช่วยลดการให้กล้ามเนื้อหัวใจเสียหายลดลงได้
ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
update 13-10-51