กองทุนสวัสดิการ อีกหนึ่งรูปแบบเกื้อกูลกันในสังคม

ที่มา : มูลนิธิสร้างสุขมุสลิมไทย (สสม.)


ภาพประกอบจากมูลนิธิสร้างสุขมุสลิมไทย (สสม.) และแฟ้มภาพ


กองทุนสวัสดิการ อีกหนึ่งรูปแบบเกื้อกูลกันในสังคม thaihealth


สสม.ภาคเหนือ กองทุนสวัสดิการ อีกหนึ่ง รูปแบบการเกื้อกูลกันในสังคม


ที่มัสยิดอัตตักวา เชียงใหม่ สะท้อนให้เห็นว่า มัสยิดหาใช่ เป็นสถานที่ ประกอบศาสนกิจเพียงอย่างเดียว แต่มัสยิดต้องเป็นที่พึ่งของชุมชนได้ด้วย ฉะนั้นความสมบรูณ์ของมัสยิดที่จะเป็นศูนย์รวมหัวใจของชุมชนได้จึงต้องจักดูแล ผู้คนในชุมชนให้อยู่ดีมีสูข อันจะนำพาให้ผู้คนในชุมชนได้ทำอิบาดะห์ อย่างสมบรูณ์พร้อมทั้ง มีความผูกพันธ์ ความรัก ความเป็นเจ้าของมัสยิด จึงจะนำผู้คนให้หวงแหนมัสยิด และมีความเป็นเจ้าของ หากทุกคนคิดว่ามัสยิดเป็นของพวกเขาทุกคนอินชาอัลลอฮ์มัสยิดก็ไดัรับการดูแลจากทุกคนในชุมชน


กองทุนสวัสดิการมัสยิดอัตตักวาเชียงใหม่ อีกหนึ่งเครื่องมือในการจัดการปัญหาในชุมชนมุสลิม


ชุมพล ศรีสมบัติ ครั้งนี้ผมพาท่านผู้อ่าน มาดูการขับเคลื่อนงานของชุมชนมุสลิมอัตตักวาเชียงใหม่ อีกครั้งหนึ่งหากย้อนอ่านบทความ ที่ผ่านมา ท่านก็จะเห็นภาพรวมของชุมชนแห่งนี้เป็นอย่างดี การจัดการบริหารของชุมชนแห่งนี้ น่าสนใจมากถือได้ว่าเป็นชุมชนมุสลิมต้นแบบของพื้นที่ภาคเหนือในการพัฒนาที่เอื้อประโยชน์ให้กับสังคมชุมชนและอีกหนึ่งโครงการของความพยายามในการขับเคลื่อนกิจกรรมที่สามารถจะสร้างสุขให้กับพี่น้องในชุมชนคือ การจัดตั้งกองทุนสวัสดิการ กองทุนสวัสดิในชุมชนมุสลิมแห่งนี้การคือความพยายามในการพึ่งพาตนเองที่ต้องการสร้างหลักประกันเพื่อความมั่นคงแก่คนในชุมชนให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้นด้วยการยึดมั่นสายสัมพันธ์แห่งความเป็นพี่น้องในอิสลามกองทุนสวัสดิการ อีกหนึ่งรูปแบบเกื้อกูลกันในสังคม thaihealthการช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งเป็นสิทธิและหน้าที่ของมุสลิมทุกคนที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตตั้งแต่เกิดจนตาย การช่วยเหลือเกื้อกูลกันนี้มิได้จำกัดในรูปของสิ่งของ หรือเงินทอง แต่ยังหมายรวมถึงการแสดงน้ำใจ การเสียสละแรงกายเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่พี่น้องของเรา เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้เกิดความมั่นคงของคนในชุมชนเป็นฐานรากให้สามารถดำรงยืนหยัดเป็นตัวของตัวเองลดการพึ่งพาภายนอกเป็นฐานสำคัญที่จะนำไปสู่การพึ่งตนเองของชุมชนในมิติอื่น ๆ 


กองทุนสวัสดิการชุมชนของมัสยิดอัตตักวา ทำการเปิดอย่างเป็นทางการ ไปเมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา ทางกองทุนฯ ได้รับการสนับสนุนจากมัสยิด องค์กรในชุมชน และผู้ใหญ่ใจดีหลายท่านร่วม บริจาคสบทบเป็นทุนในการก่อตั้ง ครั้งแรก กว่าสองแสน บาท โดยมีเงื่อนไขว่า คนในชุมชนจะต้องร่วมเป็นเจ้าของกองทุน และต้องเป็นสมาชิก ทุกครอบครัว และสมาชิกต้องร่วมบริจาคให้กับกองทุนฯ วันละหนึ่งบาท หรือเดือนละ 30 บาท เป็นประจำทุกเดือน 


นายอนันต์ ใบนานา ประธานกองทุนสวัสดิการภายใต้การดูแลของมัสยิดอัตตักวา เล่าว่า “ การเกิดขึ้นมา ของ กองทุนสวัสดิการชุมชน ในบ้านเรา ก่อนอื่นก็ต้องขอบคุณ องค์กร สสม. ที่มาจุดประกาย โดยการนำโครงการชุมชนรักษ์สุขภาวะฯ เข้ามาในพื้นที่ โดย ศูนย์กิจกรรมภาคเหนือ นำโดย น.ท.สมคิด ลัทธิศักดิ์ อ.ภัทธพงษ์ อิลาชาญและคณะ ซึ่งเป็นผู้ขับเคลือนสร้างแผนการทำงาน คณะกรรมการมัสยิด สัปปุรุษ์ ทั้งชายหญิง ที่ช่วยกันผลักดัน ให้เกิดการงานที่ดี ๆ นี้ขึ้นมา”


นายอนันต์ เล่าอีกว่า "จริง ๆ แล้ว เรื่องการจัดตั้งกองทุนสวัสดิการ อยู่ในความคิด ของผมมานานแล้ว แต่ ก็ได้แต่คิด เพราะขาดแนวร่วมและการสนับสนุน วันนี้สิ่งที่ผมคิด สิ่งที่เคยฝัน เป็นจริงขึ้นมาได้ก็ด้วยความร่วมมือจากองค์กร บุคคล ที่กล่าวไว้ข้างต้น ผมเริ่มเดินสาย หารืออิหม่าม คณะกรรมการมัสยิด พ่อค้า นักธุรกิจ มุสลิม สอบถาม ชาวบ้าน หากเราจะมีกองทุนฯ ที่สามารถจะช่วยเหลือ ซึ่งกันและกันได้ โดยช่วยกันวันละ 1 บาท เราจะเริ่มจาก การดูแลในเรืองของการตายก่อน ซีงแน่นอนทุกชีวิตหนีไม่พ้นแน่นอน วันละบาทของท่านเราจะจัดการดูแลช่วยเหลือท่าน หากสมาชิกในชุมชนกองทุนสวัสดิการ อีกหนึ่งรูปแบบเกื้อกูลกันในสังคม thaihealthเสียชีวิต ทางคณะกรรมการที่เราจัดตึ้งขึ้น เราจะบริการจัดการมัยยิดหรือศพ อย่างครบวงจร คือตั้งแต่ประสานกุโบร์ ขุดหลุม อาบน้ำ ผ้าห่อกะฟั่น กระทั้งฝั่งเสร็จ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ส่งอาหารในการดูแลบ้านญาติผู้เสียชีวิตให้อีกเป็นเวลา 3 วันและยังอำนวยความสะดวกวัสดุอุปกรณ์ในการจัดเลี้ยงทำบุญกรณีญาติผู้ตายร้องขอเรื่องนี้ขอเป็นเรืองหลักของกองทุนฯก่อน..หากมีการเจ็บไข้ได้ป่วยคลอดบุตรทางกองทุนฯก็จัดมอบเงินช่วยเหลือตามระเบียบที่เราวางไว้อนาคตข้างหน้าเราจะจัดหาทุนการศึกษาสำหรับเด็กเยาวชนที่มีฐานะยากจนหรือผู้ที่ขัดสนซึ่งบ้างครั้งก็จนปัญญา หาทางออกไม่ได้ ไม่รู้จะพึ่งพาใคร สามารถมาหยิบยืมได้เพื่อแก้ไขปัญหาในภาวะที่จำเป็นเร่งด่วน เช่น หาเงินค่าเทอมให้ลูกไม่ทัน หรือเหตุฉุกเฉินใดๆที่คาดไม่ถึง โดยพิจารณาตามความจำเป็น…อินชาอัลลอฮ์"


กองทุนสวัสดิการของชุมชนมุสลิมอัตตักวาคือกองทุนซอดาเกาะห์ให้แล้วลืมไปเลย ฝากไว้ที่อัลลอฮ์..จุดประสงค์ของการตั้งกองทุนเป้าหมายไม่ได้อยู่ว่าใครจะได้อะไรเท่าไหร่ แท้จริงแล้วอยากให้เกิดการมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เกิดความรัก การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ในขณะ ที่ในสังคมปัจจุบันที่มีแต่การแข่งขัน ตัวใครตัวมัน ให้กลับคืนสู่ธรรมชาติของความเป็นมนุษย์ คืนสู่แบบอย่างการดำเนินชีวิตตามแบบอย่างท่าน นบี ซ๊อลฯ และบรรดาเหล่าซอฮาบะฮ์ เริ่มจากการเสียสละของเราคนละนิดคนละหน่อย เชื่อว่า หากพวกเราต่างมีเจตนารมณ์และเป้าหมายเดียวกัน อินชาอัลลอฮ์ต่อไปในอนาคต กองทุนลักษณะนี้จะเป็นที่พึ่งพาของคนในชุมชนได้มากกว่าที่คิดแน่นอน


นี่เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่ต้องใช้ ต้องการ ความรัก ความสามัคคี ของพี่น้องที่อยู่ร่วมกัน ร่วมกันคิด ร่วมกันสร้าง และร่วมรับประโยชน์ สิ่งที่เกิดมิได้เกิดจากความบังเอิญ หรือคนนอกมาจัดการให้ หากแต่เกิด จากภายในที่ประสบปัญหาร่วมกัน พร้อมช่วยกันแก้ไขหาทางออก ไม่ใช่ตัวใครตัวมัน ฉันรอดคนอื่นเป็นยังไงไม่สน นี่ไม่ใช่ความคิดของผู้ศรัทธา มีโอกาสได้นั่งคุยกับ ดร.สุชาติ เศรษฐมาลินี อาจารย์เล่าเรื่องราวหนึ่งที่น่าสนใจให้ฟังว่า…มีนักวิจัยฝรั่งกลุ่มหนึ่ง ทำการทดสอบ ในเรื่องของการอยู่รอดของมนุษย์ ในพื้นที่แถบแอฟฟิกาประเทศหนึ่ง โดยใช้วิธีวางอาหารไว้ที่แห่งหนี่ง นำเด็กกองทุนสวัสดิการ อีกหนึ่งรูปแบบเกื้อกูลกันในสังคม thaihealth 10 คน มาทำการทดลอง โดยตั้งกติกาว่า ผู้ชนะเท่านั้นที่จะได้ครอบครองอาหาร..ลองคิดซิว่าถ้าเป็นเราท่าน จะทำเช่นไร บางคนอาจตอบว่า เด็กต้องแข่งขัน และวิ่งให้เร็วที่สุด เพื่อไปให้ถึงอาหารนั้น การแย่งชิง ความโกลาหลต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ครับผิดคาด…..เด็กทั้งสิบใช้วิธีจับมือกันแล้วก็ออกเดินไปพร้อมๆ


เพื่อให้ถึงอาหารที่วางไว้ ฝรั่ง…ถามว่าทำไมพวกคุณถึงทำเช่นนี้ เด็ก ๆตอบว่า ฉันจะมีความสุขได้อย่างไร ?ในขณะที่ฉันได้กินและเพื่อนของฉันต้องอดอยาก ในเรื่องนี้ท่านบี (ซ.ล.) ผู้เป็นสุดที่รักของเราได้กล่าวไว้ว่า

"ข้าขอสาบานต่ออัลลอฮฺว่า ความศรัทธายังไม่สมบูรณ์สำหรับผู้ที่นอนหลับ ท้องก็อิ่ม ในขณะที่เพื่อนบ้านของเขากำลังหิวโหย" (บันทึกโดยอัลหัยษะมีย์)


ปัจจุบันความเสียสละและความมีน้ำใจ กำลังจะจางหายไปจากสังคมของเรา แต่หากเรา ต่างช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันวันนี้ผู้ด้อยโอกาสถูกทอดทิ้งย่อมเกิดช่องว่างระหว่างคนมีฐานะกับพวกเขาแน่นอนสิ่งที่ตามมาคือปัญหาของสังคมซึ่งความรับผิดชอบต้องเกิดกับผู้นำชุมชน พี่น้องที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงทีต้องเตรียมคำตอบไว้ในวันพิพากษา 

เชื่อว่าการจัดสวัสดิการชุมชนจะเป็นกลไกการทำงาอีกหนึ่งรูปแบบที่จะบรรเทาปัญหาได้ในระดับหนึ่งและที่สำคัญก่อให้เกิดความสัมพันธ์การเชื่อมร้อยความรักของคนในชุมชนให้เหนียวแน่นขึนด้วยความเป็นพี่น้องร่วมศรัทธาเราท่านจะรู้สึกมีมั่นคงภาคภูมิใจอยู่อย่างมีศักดิ์ศรีและมีความสุข อินชาอัลลอฮ์..แน่นอน การตอบแทนของอัลลอฮ์ย่อมมีแก่ผู้ประกอบการดีเสมอ..อามีน

Shares:
QR Code :
QR Code