“กทม.-สสส.” ลุยสร้างกระแสรักสุขภาพ จับคนกรุง ฟิตร่างกาย
หนุนเพิ่มพื้นที่ออกกำลังกาย 10% หวังลดภาวะเสี่ยงต่อโรค
เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. ที่ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร โดยสำนักวัฒนธรรมกีฬาและการท่องเที่ยว ได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการดำเนินการส่งเสริมการออกกำลังกายและกีฬาเพื่อสุขภาพ ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) โดยมี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นพ.สุภกร บัวสาย ผู้จัดการ สสส. ร่วมลงนาม
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า แม้ประชาชนจะเริ่มสนใจการออกกำลังกายเพิ่มขึ้น แต่กว่า 70 % กลับพบว่าคนไทยยังออกกำลังกายต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน หรือน้อยกว่า 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ โดยเฉพาะ คนกรุงเทพ กว่า 26% ออกกำลังกายไม่เพียงพอ เนื่องจากการไม่มีเวลา ส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอยู่ในที่ทำงาน จึงเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยได้ง่าย ทั้งนี้จากผลการสำรวจพฤติกรรมการออกกำลังกายของคนไทยในปี 2550 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า มีจำนวนผู้ออกกำลังกายทั้งสิ้น 16.3 ล้านคน ซึ่งเยาวชนเป็นกลุ่มที่ออกกำลังกายมากที่สุด 73% เนื่องจากอยู่ในวัยเรียน ขณะที่วัยทำงานมีอัตราการออกกำลังกายน้อยที่สุด คือ 20% ทั้งที่การออกกำลังกายถือเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันโรคที่สำคัญ โดยพบว่า ผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำติดต่อกันเป็นเวลา 3 เดือน จะมีความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยเพียง 17 %ขณะที่ผู้ที่ไม่ออกกำลังกาย จะมีความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยสูงถึง 68 %หรือ จำนวน 9.2 ล้านคน ของจำนวนประชากรอายุ 11 ปีขึ้นไป
“กรุงเทพฯแม้ จะเป็นเมืองแออัด มีพื้นที่จำกัดแต่ก็มีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานและมีสถานที่สำหรับออกกำลังกาย เช่น สนามกีฬา สวนสาธารณะ ลานกีฬาของชุมชน หรือแม้แต่พื้นที่ว่างใต้ทางด่วน รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่ ที่พร้อมจะให้บริการดูแลเรื่องการออกกำลังกายของประชาชน ดังนั้น กทม.และสสส. จึงมีนโยบายส่งเสริมให้ออกกำลังกาย ยึดหลักการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยจัดให้มีลานกีฬา สวนสาธารณะ ศูนย์กีฬา และสโมสรกีฬา ในสังกัดกทม.กระจายทั้งหมด 50 เขต เพื่อส่งเสริมการออกกำลังกายและกีฬาเพื่อสุขภาพ จึงเกิดการความร่วมมือในการสร้างกิจกรรมส่งเสริมการออกกำลังกายและกีฬาให้ครอบคลุมทุกพื้นที่” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าว
นพ.สุภกร บัวสาย ผู้จัดการ สสส. กล่าวว่า ความร่วมมือดังกล่าวถือเป็นการสร้างค่านิยมเพื่อปรับพฤติกรรมของคนกรุงเทพฯให้หันมาออกกำลังกายมากขึ้น คาดว่าภายใน1ปีจะมีคนออกกำลังกายเป็นประจำ ไม่น้อยกว่า1แสนคน และจะมีพื้นที่เพื่อใช้ในการออกกำลังกายไม่น้อยกว่า 10% อีกทั้งยังขับเคลื่อนเครือข่ายสุขภาพให้กระจายทั่วทุกพื้นที่ในกรุงเทพฯ ส่งผลดีต่อคุณภาพประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ซึ่งองค์การอนามัยโลกแนะนำว่า หากคนทั่วไป หันมาออกกำลังกาย อย่างน้อยสัปดาห์ละ 150 นาที ในรูปแบบที่เหมาะสมกับวัยและสภาพร่างกาย จะมีผลทำให้หัวใจ ปอดทำงานดีขึ้น ช่วยลดความเสี่ยง จากโรคที่คนเมืองกำลังป่วยมากที่สุดในเวลานี้ เช่น โรคอ้วนโรคหัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน มะเร็ง โรคเครียดและปัญหาสุขภาพจิต เพราะการออกกำลังกายจะให้ผลทั้งด้านร่างกาย ด้านจิตใจ ด้านสังคม และแม้แต่ด้านปัญญา ดังคำกล่าวที่ว่าร่างกายที่แข็งแรง มาจากจิตใจที่เข้มแข็ง
ที่มา : สำนักข่าว สสส.
Update: 11-12-52
อัพเดทเนื้อหาโดย: อภิชัย วรสิทธิ์ขจร